แมนยู

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์หลายประเด็น อย่างยกตัวอย่างเช่นการบอกว่ากำลังรู้สึกราวกับโดน แมนยู หักหลัง ไปจนกระทั่งการติเตียน เอริค เทน ฮาก และก็การบอกว่า “ปีศาจแดง” ไม่มีพัฒนาการเลยในช่วงที่ผ่านมา

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะชาวโปรตุกีสของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลายประเด็นกับ เพียร์ส มอร์แกน นักข่าวคนดัง อย่างยกตัวอย่างเช่นการบอกว่าสโมสรอย่างกับพยายามบีบให้ตนต้องบอกลาทีมจนถึงทำให้ตนรู้สึกราวกับว่าโดนหักหลัง

โรนัลโด้ ตกเป็นประเด็นร้อนตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จากการที่มีข่าวโคมลอยว่าเขาอยาก ที่จะย้ายทีม จนกระทั่งขั้นแจ้งเรื่องนั้นกับทางต้นสังกัด และก็ให้ จอร์จ เมนเดส ไปตระเวนคุยกับหลายๆสโมสรทั่วทวีปยุโรป ไปจนกระทั่งการที่เขาเคยมีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วยการไม่ยอมลงสนามในเกมกับ สเปอร์ส จนถึงทำให้เขาถูกตัดชื่ออกจากทีมในนัดต่อมา

หลังโดน มอร์แกน ถามคำถามว่าสโมสรพยายามที่จะบีบให้เขาต้องออกจากทีมหรือไม่นั้น โรนัลโด้ ก็ตอบว่า “ใช่ และก็ไม่ได้มีแค่โค้ช ( เทน ฮาก) เพียงแค่คนเดียวด้วยที่ทำอย่างนั้น แต่ยังมีอีก 2 หรือ 3 คน พวกเขาเป็นคนภายในสโมสรนี่แหละ”

เมื่อถูกถามเพิ่มว่าผู้บริหารขั้นสูงของสโมสรพยายามที่จะกำจัดเขาหรือไม่นั้น โรนัลโด้ ก็เสริมว่า “ผมไม่สนใจหรอก ทุกคนควรได้รู้ความจริง ใช่ ผมรู้สึกราวกับว่าโดนหักหลัง และก็ผมรู้สึกว่าบางคนไม่ต้องการที่จะให้ผมอยู่ที่นี่ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีนี้หรอกนะ ปีก่อนก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน”

ผู้ครอบครองรางวัล บัลลง ดอร์ 5 สมัย บอกเพราะว่าตนไม่ให้ความเคารพ เทน ฮาก หากแม้แต่นิดหนึ่ง “ผมไม่ให้ความเคารพเขา เพราะเขาไม่ได้ให้ความเคารพกับผม หากคุณไม่ให้ความเคารพผมแล้วน่ะผมก็จะไม่มีวันเคารพคุณเช่นเดียวกัน”

ปีศาจแดง

โรนัลโด้ เสริมว่าไม่ประทับใจกับการที่ แมนยู เคยเอา ราล์ฟ รังนิค

เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวเมื่อฤดูกาลก่อน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้น “ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกลาทีมไปแล้วน่ะ ผมก็ไม่เห็นถึงพัฒนาการของสโมสรเลย ความพัฒนาของพวกเขาเท่ากับ 0”

“ยกตัวอย่างดังเช่นว่า เพราะอะไรหลังจากปลด โอเล่ (กุนนาร์ โซลชา) แล้วน่ะ สโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงซื้อ ถึงเอา ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีม มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจได้เลย เขาไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำ สโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาผู้อำนวยการกีฬามาคุมทีมเนี่ยนะ มันไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่แปลกใจในเรื่องนั้น ทุกคนทั่วโลกก็รู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกัน”

ขณะเดียวกัน โรนัลโด้ ก็กล่าวว่ามันทำให้ตนตกใจมาก ๆ ที่ตลอดช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ทำการ เปลี่ยนแปลงเรื่อง ต่าง ๆ เพื่อทำให้ทีมมีพัฒนาการที่ดีเลย “มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ซึ่งถือว่าน่าประหลาดใจพอตัว ไม่หากแม้แต่สระว่ายน้ำ, อ่างจากุซซี่, โรงยิม, เทคโนโลยี, ห้องครัว, เชฟ ซึ่งที่จริงแล้วผมถูกใจพวกเขานะ”

“พวกเขาหยุดอยู่กับที่ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมาก ๆ ผมเคยรู้สึกว่า ผมจะได้เห็นหลายอย่างที่ต่างออกไป อย่างยกตัวอย่างเช่นเรื่องเทคโนโลยีหรือสิ่งก่อสร้างตามที่ผมพูดไปก่อนหน้าที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่เราได้เห็นสิ่งเดียวกับที่ผมเคยเห็นในตอนที่ผมอายุ 20, 21, 23 ปี ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจมากๆ”

“ผมรู้สึกว่าแฟนคลับควรได้รู้ความจริง ผมต้องการที่จะให้สโมสรได้เจอกับเรื่องดีๆนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมย้ายกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่อยู่ภายในสโมสรมันไม่ได้ช่วยทำให้เราขึ้นไปอยู่ในขั้นสูงแบบเดียวกับ ซิตี้, ลิเวอร์พูล หรือหากแม้กระทั่ง อาร์เซน่อล ในตอนนี้ได้ ในความคิดของผมนั้นสโมสรในระดับนี้น่าจะขึ้นไปอยู่ในจุดสุดยอด แต่น่าเศร้าที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในจุดนั้น

โรนัลโด้ ยังพูดเชิงกระทบกระเทียบ เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย หลังจาก รูนี่ย์ ติเตียนเขาว่าปฏิบัติตนไม่เหมาะสมในช่วงที่ผ่านมา “ผมไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเขาถึงติเตียนผมหนักขนาดนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเลิกเล่นไปแล้ว ส่วนผมยังเล่นในระดับสูงอยู่ล่ะมั้ง ผมจะไม่บอกหรอกนะว่าผมหล่อกว่าเขา ถึงแม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม”

โรนัลโด้ เสริมว่าที่จริงแล้วตนรัก แมนฯ ยูไนเต็ด และก็แฟนบอลของทีมอยู่เสมอ “ก็อย่างกับที่ ปิกัสโซ่ เคยพูดเอาไว้ คุณต้องทำลายบางอย่างเพื่อที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ (ที่จริง ปิกัสโซ่ พูดว่า ทุกๆการสร้างถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง) และก็หากพวกเขาอยากเริ่มมันที่ตัวผมแล้วล่ะก็ สำหรับผมแล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“ผมรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมรักแฟนคลับพวกเขาอยู่เคียงข้างผมอยู่เป็นประจำ”

แต่หากพวกเขาอยากทำบางอย่างที่ต่างออกไปพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โรนัลโด้ อ้างด้วยว่า เฟอร์กูสัน ก็คิดแบบเดียวกับตน “เขาเข้าใจกันดีอยู่แล้วกว่าใครทั้งนั้นว่าตอนนี้สโมสรไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ควรเป็น เขาเข้าใจกันดีอยู่แล้ว ทุกคนก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว มันก็แค่มีหลายคนที่มองดูไม่เห็นถึงเรื่องนั้นเพราะพวกเขาไม่อยากมองเห็นมันก็เท่านั้น พวกเขากำลังปฏิบัติตนเป็นคนตาบอด”